รายงานสรุปสำหรับผู้บริหาร#greenlibrary

การศึกษานโยบายการลดใช้พลังงานในภาคคมนาคมขนส่งทางบก

แนะนำe-Book

รายงานสรุปสำหรับผู้บริหาร#greenlibrary
ชื่อหนังสือ: การศึกษานโยบายการลดใช้พลังงานในภาคคมนาคมขนส่งทางบก
ผู้แต่ง: สำนักงานนโยบาลและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)
คลิกดูข้อมูลหนังสือ https://link.bsru.ac.th/11jq
ดูปกและสารบัญ : (see cover and contents)
 
รายละเอียดของหนังสือ
 
ค่าจ้างศึกษานโยบายการลดการใช้พลังงานในภาคคมนาคมขนส่งทางบกเป็นการศึกษาเชิงประจักษ์เพื่อทำการทดสอบประสิทธิภาพการใช้พลังงานของยานพาหนะ การประเมินศักยภาพการใช้พลังงานการศึกษาผลกระทบและกำหนดนโยบายการลดการใช้พลังงานในภาคคมนาคมขนส่งทางบกของประเทศไทยการศึกษาได้ดำเนินการในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบว่า รูปแบบการเดินทางของประชาชนส่วนใหญ่คือรถยนต์ส่วนบุคคลเครื่องยนต์สันดาปที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อมการศึกษาได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพการใช้พลังงานของยานพาหนะประเภทต่าง ๆโดยใช้ยานพาหนะจำนวน 65ตัวอย่าง เพื่อนำค่าสัมประสิทธิการใช้พลังงานของยานพาหนะ ไปใช้ในสมการ ASIF ซึ่งเป็นแนวทางในการประเมินการใช้พลังงานและการปล่อยมลพิษในขนส่งทางบกของมาตรการต่าง ๆ ได้แก่ (1) มาตรการจำกัดเวลาและพื้นที่ขนส่งของรถบรรทุก (2) มาตรการส่งเสริมการใช้รถโดยสารไฟฟ้า (3) มาตรการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (4) มาตรการการเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางผลลัพธ์จากมาตรการเหล่านี้คือการลดการใช้พลังงาน 11,177 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ (ktoe)การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30.05ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (MtCO2e) และการลดการปล่อย PM2.5366.57 ตัน PM2.5 (Ton PM2.5) ณ ปี พ.ศ. 2573
——

#GreenLibrary #greenbsru 

ipcc ar6 รายงานการสังเคราะห์ (สำหรับผู้กำหนดนโยบาย)#greenlibrary

IPCC AR6 รายงานการสังเคราะห์ (สำหรับผู้กำหนดนโยบาย)

แนะนำe-Book

ipcc ar6 รายงานการสังเคราะห์ (สำหรับผู้กำหนดนโยบาย)#greenlibrary
ชื่อหนังสือ: IPCC AR6 รายงานการสังเคราะห์ (สำหรับผู้กำหนดนโยบาย)
ผู้แต่ง: หน่วยวิจัยด้านพลังงานที่ยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คลิกดูข้อมูลหนังสือ https://link.bsru.ac.th/11jl
ดูปกและสารบัญ : (see cover and contents)
 
รายละเอียดของหนังสือ
 
รายงานสังเคราะห์การประเมินสถานการณ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฉบับที่ 6 (AR6 Synthesis Report: Climate change 2023) แสดงให้เห็นถึงการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในช่วงเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ ปี ค.ศ.1970 ที่มีการก่อตั้งคณะกรรมการ IPCC ทั้งนี้ จากรายงานได้กล่าวถึงอุณหภูมิพื้นผิวโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ในช่วงปี ค.ศ. 2011-2020 ซึ่งสูงขึ้นกว่าในยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยในปี 2019 มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์สุทธิทั่วโลก 59±6.6 GtCO2 eq สูงกว่าในปี ค.ศ. 2010 ประมาณ 12% ดังนั้นทั่วโลกจึงต้องตระหนักต่อการร่วมกันรับมือและแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยใช้การพัฒนาที่ยั่งยืน ควบคู่กับการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
——

#GreenLibrary #greenbsru 

ทมส. เปลี่ยนเรา เปลี่ยนโลก ลดโลกเดือด#greenlibrary

ทสม.เปลี่ยนเรา เปลี่ยนโลก ลดโลกเดือด

แนะนำe-Book

ทมส. เปลี่ยนเรา เปลี่ยนโลก ลดโลกเดือด#greenlibrary
ชื่อหนังสือ: ทสม.เปลี่ยนเรา เปลี่ยนโลก ลดโลกเดือด
ผู้แต่ง:กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
คลิกดูข้อมูลหนังสือ https://link.bsru.ac.th/vef
ดูปกและสารบัญ : (see cover and contents)
 
รายละเอียดของหนังสือ
 
เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม. เป็นเครือข่ายแก้ปัญหาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปงสภาพภูมิอากาศ เข้ามามีส่วนร่วมบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นของตนเองในรูปแบบ เครือข่ายอาสาสมัคร” ที่ครอบคลุมทั่วประเทศใน 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร จำนวน 283,633 คน กระจายอยู่ใน 44,456 หมู่บ้าน 7,006 ตำบูล 158 แขวง 934 อำเภอ 50 เขต รวมทั้ง ยังมีภาคีเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล เครือข่ายผู้ใช้น้ำ อาสาสมัครเครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนธรณีพิบัติภัย เศรียข่ายป่าชุมชน อาสาสมัครพิทักษ์ป่า และอาสาสมัคร พิทักษ์อุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทั้งนี้ การจะลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้มากที่สุดจำเป็นต้องส่งเสริมและสนับสนุนชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วม และส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศ เช่น พลังงานทดแทน การจัดการของเสีย การเปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพพลังงาน รวมถึงการปลูกด้นไม้ และการอนุรักษ์พื้นฟูป่าเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพิ่มพื้นที่ป่าไม้และการป้องกันไม่ให้พื้นที่ป่าไม้ลดลง ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ต้องการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ให้ได้ร้อยละ 55 ของพื้นที่ประเทศ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นอกจากจะช่วยกักเก็บก๊าซเรือนกระจกได้แล้วยังสามารถรักษาและสร้างสมดุลของความหลายหลายทางชีวภาพการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพในท้องถิ่น การสร้างรายได้เสริมความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจชุมชน จากการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
——

#GreenLibrary #greenbsru 

ESSAYS IN Energy#greenlibrary

Essays in Energy

แนะนำe-Book

ESSAYS IN Energy#greenlibrary
ชื่อหนังสือ: Essays in Energy
ผู้แต่ง: Wong, Kaufui Vincent
เข้าใช้งานในระบบ: iG library ใช้งานภายในมหาวิทยาลัย
– ผ่านเครือข่ายมหาวิทยาลัย
– รองรับ Suriya-WiFi
คลิกดูข้อมูลหนังสือ https://link.bsru.ac.th/11i5
ดูปกและสารบัญ : (see cover and contents)
 
รายละเอียดของหนังสือ
 
A collection of essays by the same number of engineers. They show a variety of viewpoints and diversity. This collection is meant to incite and excite conversation among engineers, scientists, and society at large. It would serve as a catalyst for a three-credit course as an introductory engineering subject to non engineering university students. As university education develops to better prepare future leaders to appreciate science, technology, engineering, and mathematics, engineering courses for non engineering majors are essential and so is the requirement of worthy textbooks. This monograph intends to be one of the useful tools available. The wide range of topics includes nuclear power, small hydroelectric plants, wind turbines, and organic photovoltaics. Nanotechnology, natural gas, and deep sea oil drilling have also been presented. Energy efficiency has been called the “fifth fuel” and these topics have been covered. The four hydrocarbon fuels are oil, coal, natural gas, and biofuel
 
รวบรวมบทความโดยวิศวกรจำนวนเท่ากัน พวกเขาแสดงมุมมองและความหลากหลายที่หลากหลาย มีหัวข้อต่างๆ มากมายรวมถึงพลังงานนิวเคลียร์ โรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก กังหันลม และไฟฟ้าโซลาร์เซลล์อินทรีย์ นาโนเทคโนโลยี ก๊าซธรรมชาติ และการขุดเจาะน้ำมันในทะเลลึกก็ถูกนำเสนอเช่นกัน ประสิทธิภาพการใช้พลังงานถูกเรียกว่า “เชื้อเพลิงที่ห้า” และครอบคลุมหัวข้อเหล่านี้แล้ว เชื้อเพลิงไฮโดรคาร์บอน 4 ชนิด ได้แก่ น้ำมัน ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และเชื้อเพลิงชีวภาพ
——

#GreenLibrary #greenbsru 

Challenges and Prospects of Steelmaking Towards the Year 2050 #greenlibrary

Challenges and Prospects of Steelmaking Towards the Year 2050

แนะนำe-Book

Challenges and Prospects of Steelmaking Towards the Year 2050 #greenlibrary
ชื่อหนังสือ: Challenges and Prospects of Steelmaking Towards the Year 2050
ผู้แต่ง: Holappa, Lauri
เข้าใช้งานในระบบ: EBSO โดยใช้ User ID : bsru Password : library@2567
คลิกดูข้อมูลหนังสือ https://link.bsru.ac.th/11ia
ดูปกและสารบัญ : (see cover and contents)
 
รายละเอียดของหนังสือ
 
The world steel industry is strongly based on coal/coke in ironmaking, resulting in huge carbon dioxide emissions corresponding to approximately 7% of the total anthropogenic CO2 emissions. As the world is experiencing a period of imminent threat owing to climate change, the steel industry is also facing a tremendous challenge in next decades. This themed issue makes a survey on the current situation of steel production, energy consumption, and CO2 emissions, as well as cross-sections of the potential methods to decrease CO2 emissions in current processes via improved energy and materials efficiency, increasing recycling, utilizing alternative energy sources, and adopting CO2 capture and storage. The current state, problems and plans in the two biggest steel producing countries, China and India are introduced. Generally contemplating, incremental improvements in current processes play a key role in rapid mitigation of specific emissions, but finally they are insufficient when striving for carbon neutral production in the long run. Then hydrogen and electrification are the apparent solutions also to iron and steel production. The book gives a holistic overview of the current situation and challenges, and an inclusive compilation of the potential technologies and solutions for the global CO2 emissions problem.
 
อุตสาหกรรมเหล็กของโลกใช้ถ่านหิน/โค้กเป็นหลักในการผลิตเหล็ก ส่งผลให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก ซึ่งคิดเป็นประมาณ 7% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ทั้งหมด ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับช่วงเวลาแห่งภัยคุกคามอันใกล้นี้เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อุตสาหกรรมเหล็กยังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในทศวรรษหน้าเช่นกัน ประเด็นในประเด็นนี้เป็นการสำรวจสถานการณ์ปัจจุบันของการผลิตเหล็ก การใช้พลังงาน และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงวิธีการที่เป็นไปได้ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการปัจจุบันผ่านการปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงานและวัสดุ เพิ่มการรีไซเคิล ใช้แหล่งพลังงานทางเลือก และการนำการจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาใช้ นำเสนอสถานะ ปัญหา และแผนงานปัจจุบันของประเทศผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่สองประเทศ ได้แก่ จีนและอินเดีย โดยทั่วไปแล้ว การปรับปรุงกระบวนการปัจจุบันทีละเล็กทีละน้อยมีบทบาทสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเฉพาะอย่างรวดเร็ว แต่ในท้ายที่สุด การปรับปรุงดังกล่าวก็ยังไม่เพียงพอเมื่อมุ่งมั่นในการผลิตที่เป็นกลางทางคาร์บอนในระยะยาว ดังนั้น ไฮโดรเจนและการใช้ไฟฟ้าจึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ชัดเจนสำหรับการผลิตเหล็กและเหล็กกล้า หนังสือเล่มนี้ให้ภาพรวมแบบองค์รวมของสถานการณ์และความท้าทายในปัจจุบัน ตลอดจนการรวบรวมเทคโนโลยีที่มีศักยภาพและโซลูชันสำหรับปัญหาการปล่อย CO2 ทั่วโลก
 
——

#GreenLibrary #greenbsru 

MOFs for Advanced Applications #greenlibrary

MOFs for Advanced Applications

แนะนำe-Book

MOFs for Advanced Applications #greenlibrary
ชื่อหนังสือ: MOFs for Advanced Applications
ผู้แต่ง: Bedia, Jorge
เข้าใช้งานในระบบ: EBSO โดยใช้ User ID : bsru Password : library@2567
คลิกดูข้อมูลหนังสือ https://link.bsru.ac.th/11ib
ดูปกและสารบัญ : (see cover and contents)
 
รายละเอียดของหนังสือ
 
Metal organic frameworks (MOFs) are a class of porous materials with a modular structure. This allows for very wide structural diversity and the possibility of synthesizing materials with tailored properties for advanced applications. Thus, MOF materials are the subject of intense research, with strong relevance to both science and technology. MOFs are formed by the assembly of two components: cluster or metal ion nodes, which are also called secondary building units (SBUs), and organic linkers between the SBUs, usually giving rise to crystalline structures with an open framework and significant porous texture development. The main aim of this Special Issue of Catalysts (ISSN 2073-4344) is to present the most relevant and recent insights in the field of the synthesis and characterization of MOFs and MOF-based materials for advanced applications, including adsorption, gas storage/capture, drug delivery, catalysis, photocatalysis, and/or chemical sensing.
 
กรอบโลหะอินทรีย์ (Metal organic frameworks: MOFs) เป็นวัสดุที่มีรูพรุนประเภทหนึ่งที่มีโครงสร้างแบบโมดูลาร์ ซึ่งช่วยให้มีความหลากหลายของโครงสร้างได้อย่างกว้างขวาง และยังสามารถสังเคราะห์วัสดุที่มีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับการใช้งานขั้นสูงได้อีกด้วย ดังนั้น วัสดุ MOF จึงเป็นหัวข้อของการวิจัยอย่างเข้มข้น ซึ่งมีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับทั้งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี MOF เกิดขึ้นจากการประกอบชิ้นส่วนสองชิ้นเข้าด้วยกัน ได้แก่ กลุ่มหรือโหนดไอออนโลหะ ซึ่งเรียกอีกอย่างว่าหน่วยการสร้างรอง (secondary building units: SBUs) และตัวเชื่อมอินทรีย์ระหว่าง SBUs ซึ่งมักจะก่อให้เกิดโครงสร้างผลึกที่มีกรอบเปิดและการพัฒนาพื้นผิวที่มีรูพรุนอย่างมีนัยสำคัญ วัตถุประสงค์หลักของฉบับพิเศษเรื่องตัวเร่งปฏิกิริยา (ISSN 2073-4344) นี้คือการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องและใหม่ล่าสุดในสาขาการสังเคราะห์และลักษณะเฉพาะของ MOF และวัสดุที่ใช้ MOF สำหรับการใช้งานขั้นสูง รวมถึงการดูดซับ การเก็บ/จับก๊าซ การส่งยา การเร่งปฏิกิริยา การเร่งปฏิกิริยาด้วยแสง และ/หรือการตรวจจับทางเคมี
 
——

#GreenLibrary #greenbsru 

Forecasting CO2 Sequestration with Enhanced Oil RecoveryCO2 Sequestration with Enhanced Oil Recovery #greenlibrary

Forecasting CO2 Sequestration with Enhanced Oil Recovery

แนะนำe-Book

Forecasting CO2 Sequestration with Enhanced Oil RecoveryCO2 Sequestration with Enhanced Oil Recovery #greenlibrary
ชื่อหนังสือ:Forecasting CO2 Sequestration with Enhanced Oil Recovery
ผู้แต่ง:Ampomah, William
เข้าใช้งานในระบบ: EBSO โดยใช้ User ID : bsru Password : library@2567
คลิกดูข้อมูลหนังสือ https://link.bsru.ac.th/11ic
ดูปกและสารบัญ : (see cover and contents)
 
รายละเอียดของหนังสือ
 
The aim of carbon capture, utilization, and storage (CCUS) is to reduce the amount of CO2 released into the atmosphere and to mitigate its effects on climate change. Over the years, naturally occurring CO2 sources have been utilized in enhanced oil recovery (EOR) projects in the United States. This has presented an opportunity to supplement and gradually replace the high demand for natural CO2 sources with anthropogenic sources. There also exist incentives for operators to become involved in the storage of anthropogenic CO2 within partially depleted reservoirs, in addition to the incremental production oil revenues. These incentives include a wider availability of anthropogenic sources, the reduction of emissions to meet regulatory requirements, tax incentives in some jurisdictions, and favorable public relations. The United States Department of Energy has sponsored several Regional Carbon Sequestration Partnerships (RCSPs) through its Carbon Storage program which have conducted field demonstrations for both EOR and saline aquifer storage. Various research efforts have been made in the area of reservoir characterization, monitoring, verification and accounting, simulation, and risk assessment to ascertain long-term storage potential within the subject storage complex. This book is a collection of lessons learned through the RCSP program within the Southwest Region of the United States. The scope of the book includes site characterization, storage modeling, monitoring verification reporting (MRV), risk assessment and international case studies.
 
 
เป้าหมายของการจับกัก ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน (CCUS) คือการลดปริมาณ CO2 ที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศและบรรเทาผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แหล่ง CO2 ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติถูกนำไปใช้ในโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำมัน (EOR) ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นโอกาสในการเสริมและแทนที่ความต้องการแหล่ง CO2 ตามธรรมชาติที่สูงด้วยแหล่ง CO2 ที่เกิดจากมนุษย์อย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ ยังมีแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการเข้าไปมีส่วนร่วมในการกักเก็บ CO2 ที่เกิดจากมนุษย์ภายในแหล่งกักเก็บที่หมดไปบางส่วน นอกเหนือจากรายได้จากการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แรงจูงใจเหล่านี้ได้แก่ การมีแหล่ง CO2 ที่เกิดจากมนุษย์ให้ใช้ได้มากขึ้น การลดการปล่อยมลพิษเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ แรงจูงใจทางภาษีในเขตอำนาจศาลบางแห่ง และการประชาสัมพันธ์ที่เอื้ออำนวย กระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกาได้ให้การสนับสนุนโครงการความร่วมมือด้านการกักเก็บคาร์บอนในภูมิภาค (RCSP) หลายโครงการผ่านโครงการกักเก็บคาร์บอน ซึ่งได้ดำเนินการสาธิตภาคสนามสำหรับทั้งโครงการ EOR และการเก็บกักน้ำใต้ดินที่เป็นเกลือ ความพยายามในการวิจัยต่างๆ ได้ทำขึ้นในด้านการจำแนกลักษณะของแหล่งเก็บน้ำ การติดตาม การตรวจสอบและการบัญชี การจำลอง และการประเมินความเสี่ยง เพื่อระบุศักยภาพในการจัดเก็บในระยะยาวภายในแหล่งเก็บน้ำดังกล่าว หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากโปรแกรม RCSP ในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ขอบเขตของหนังสือเล่มนี้รวมถึงการจำแนกลักษณะของแหล่งเก็บน้ำ การสร้างแบบจำลองการจัดเก็บ การรายงานการตรวจสอบการตรวจสอบ (MRV) การประเมินความเสี่ยง และกรณีศึกษาในระดับนานาชาติ
 
——

#GreenLibrary #greenbsru 

New Trends in Catalysis for Sustainable CO2 Conversion #greenlibary

New Trends in Catalysis for Sustainable CO2 Conversion

แนะนำe-Book

New Trends in Catalysis for Sustainable CO2 Conversion #greenlibary
ชื่อหนังสือ: New Trends in Catalysis for Sustainable CO2 Conversion
ผู้แต่ง: Ereña Loizaga, Javier
เข้าใช้งานในระบบ: EBSO โดยใช้ User ID : bsru Password : library@2567
คลิกดูข้อมูลหนังสือ https://link.bsru.ac.th/11id
ดูปกและสารบัญ : (see cover and contents)
 
รายละเอียดของหนังสือ
 
This Special Issue on “New Trends in Catalysis for Sustainable CO2 Conversion”, released in the Catalysts open access journal, shows new research about the development of catalysts and catalytic routes for CO2 valorization, in addition to the optimization of the reaction conditions for the process. This issue includes ten articles and three reviews about different innovative processes for CO2 conversion.Carbon capture and storage (CCS) is a physical process consisting of the separation the CO2 (emitted by industry and the combustion processes for energy generation) and its transportation to geological storage isolates it from the atmosphere in the long term. However, the most promising routes for CO2 mitigation are those pursuing its catalytic valorization. By applying specific catalysts and suitable operating conditions, CO2 molecules react with other components to form longer chains (i.e., hydrocarbons). Accordingly, effort should be made to catalytically valorize CO2 (alone or co-fed with syngas) as an alternative way of reducing greenhouse gas emissions and obtaining high-value fuels and chemicals. Carbon capture and utilization (CCU) is a developing field with significant demand for research in the following aspects:The development of new catalysts, catalytic routes, and technologies for CO2 conversion;The study of new processes for obtaining fuels and chemicals from CO2;Optimization of the catalysts and the reaction conditions for these processes;Further steps in advanced processes using CO2-rich feeds (H2+CO2 or CO2 mixed with syngas), increasing product yields
 
 
ฉบับพิเศษนี้ในหัวข้อ “แนวโน้มใหม่ในการเร่งปฏิกิริยาเพื่อการแปลง CO2 อย่างยั่งยืน” ซึ่งเผยแพร่ในวารสาร Catalysts open access นำเสนอการวิจัยใหม่เกี่ยวกับการพัฒนาตัวเร่งปฏิกิริยาและเส้นทางเร่งปฏิกิริยาสำหรับการเพิ่มมูลค่าของ CO2 นอกเหนือจากการปรับสภาพปฏิกิริยาให้เหมาะสมสำหรับกระบวนการ ฉบับนี้ประกอบด้วยบทความ 10 บทความและบทวิจารณ์ 3 บทเกี่ยวกับกระบวนการสร้างสรรค์ใหม่ๆ สำหรับการแปลง CO2 การดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) เป็นกระบวนการทางกายภาพที่ประกอบด้วยการแยก CO2 (ที่ปล่อยออกมาจากอุตสาหกรรมและกระบวนการเผาไหม้เพื่อผลิตพลังงาน) และการขนส่งไปยังแหล่งกักเก็บทางธรณีวิทยาเพื่อแยก CO2 ออกจากบรรยากาศในระยะยาว อย่างไรก็ตาม เส้นทางที่มีแนวโน้มมากที่สุดสำหรับการบรรเทา CO2 คือเส้นทางที่แสวงหาการเพิ่มมูลค่าของตัวเร่งปฏิกิริยา โดยการใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาเฉพาะและเงื่อนไขการทำงานที่เหมาะสม โมเลกุลของ CO2 จะทำปฏิกิริยากับส่วนประกอบอื่นๆ เพื่อสร้างห่วงโซ่ที่ยาวขึ้น (เช่น ไฮโดรคาร์บอน) ดังนั้น ควรพยายามเพิ่มมูลค่าของ CO2 (เพียงอย่างเดียวหรือร่วมกับก๊าซสังเคราะห์) ด้วยวิธีเร่งปฏิกิริยาเป็นทางเลือกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพื่อให้ได้เชื้อเพลิงและสารเคมีที่มีมูลค่าสูง การจับกักและการใช้คาร์บอน (CCU) เป็นสาขาที่กำลังพัฒนาซึ่งมีความต้องการการวิจัยในด้านต่อไปนี้อย่างมาก: การพัฒนาตัวเร่งปฏิกิริยาใหม่ เส้นทางตัวเร่งปฏิกิริยา และเทคโนโลยีสำหรับการแปลง CO2 การศึกษาขั้นตอนใหม่ในการรับเชื้อเพลิงและสารเคมีจาก CO2 การเพิ่มประสิทธิภาพของตัวเร่งปฏิกิริยาและสภาวะปฏิกิริยาสำหรับกระบวนการเหล่านี้ ขั้นตอนเพิ่มเติมในกระบวนการขั้นสูงที่ใช้ฟีดที่มี CO2 สูง (H2+CO2 หรือ CO2 ผสมกับก๊าซสังเคราะห์) เพิ่มผลผลิตผลิตภัณฑ์
 
——

#GreenLibrary #greenbsru 

Gas, Water and Solid Waste Treatment Technology #greenlibaray

Gas, Water and Solid Waste Treatment Technology

แนะนำe-Book

Gas, Water and Solid Waste Treatment Technology #greenlibaray
ชื่อหนังสือ: Gas, Water and Solid Waste Treatment Technology
ผู้แต่ง: Zhang, Zhien
เข้าใช้งานในระบบ: EBSO โดยใช้ User ID : bsru Password : library@2567
คลิกดูข้อมูลหนังสือ https://link.bsru.ac.th/11ie
ดูปกและสารบัญ : (see cover and contents)
 
รายละเอียดของหนังสือ
 
This book introduces a variety of treatment technologies, such as physical, chemical, and biological methods for the treatment of gas emissions, wastewater, and solid waste. It provides a useful source of information for engineers and specialists, as well as for undergraduate and postgraduate students, in the areas of environmental science and engineering.
 
 
หนังสือเล่มนี้แนะนำเทคโนโลยีการบำบัดต่างๆ เช่น วิธีทางกายภาพ เคมี และชีวภาพสำหรับการบำบัดก๊าซไอเสีย น้ำเสีย และของเสียที่เป็นของแข็ง หนังสือเล่มนี้เป็นแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนนักศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและวิศวกรรมศาสตร์
 
——

#GreenLibrary #greenbsru 

Microalgae Cultures #greenlibaray

Microalgae Cultures

แนะนำe-Book

Microalgae Cultures #greenlibaray
ชื่อหนังสือ: Microalgae Cultures
ผู้แต่ง: Pires, José Carlos Magalhães
เข้าใช้งานในระบบ: EBSO โดยใช้ User ID : bsru Password : library@2567
คลิกดูข้อมูลหนังสือ https://link.bsru.ac.th/11if
ดูปกและสารบัญ : (see cover and contents)
 
รายละเอียดของหนังสือ
 
Microalgae have been intensively studied for CO2 capture, nutrient removal from wastewater, and biofuels production. These photosynthetic microorganisms use solar energy with efficiency ten times greater than terrestrial plants and are responsible for about 50% of the world’s oxygen production. Therefore, microalgae have been considered a sustainable solution for CO2 capture. Besides carbon, their growth also requires other macronutrients: nitrogen and phosphorus. To avoid the addition of fertilizers (increasing the production costs), these nutrients can be supplied if wastewater is used as the culture medium. The integration of biomass production with wastewater treatment enables a reduction in operational costs and the environmental impact. Microalgae are also known for their high lipid contents and high growth rates and are a promising oil source for biodiesel production. This Special Issue Book presents the recent research activities concerning the environmental applications of microalgae and their potential for biofuels production, focusing on the main challenges for their large-scale application. Since microalgal culturing can address different environmental and non-environmental issues, the achievements from the integration of multiple microalgal applications are also considered in this Special Issue Book.
 
 
สาหร่ายขนาดเล็กได้รับการศึกษาอย่างเข้มข้นเพื่อดักจับ CO2 การกำจัดสารอาหารจากน้ำเสียและการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงเหล่านี้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าพืชบนบกถึง 10 เท่าและรับผิดชอบการผลิตออกซิเจนของโลกประมาณ 50% ดังนั้น สาหร่ายขนาดเล็กจึงถือเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนสำหรับการดักจับ CO2 นอกจากคาร์บอนแล้ว การเติบโตของสาหร่ายขนาดเล็กยังต้องการธาตุอาหารหลักอื่นๆ เช่น ไนโตรเจนและฟอสฟอรัสอีกด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงการเติมปุ๋ย (ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น) สารอาหารเหล่านี้สามารถจัดหาได้หากใช้น้ำเสียเป็นอาหารเลี้ยงเชื้อ การผสมผสานการผลิตชีวมวลกับการบำบัดน้ำเสียช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สาหร่ายขนาดเล็กยังเป็นที่รู้จักในเรื่องปริมาณไขมันสูงและอัตราการเจริญเติบโตสูง และเป็นแหล่งน้ำมันที่มีแนวโน้มดีสำหรับการผลิตไบโอดีเซล หนังสือฉบับพิเศษฉบับนี้จะนำเสนอกิจกรรมการวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้สาหร่ายขนาดเล็กในด้านสิ่งแวดล้อมและศักยภาพในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยเน้นที่ความท้าทายหลักสำหรับการใช้งานในระดับใหญ่ เนื่องจากการเพาะเลี้ยงไมโครสาหร่ายสามารถแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและไม่ใช่สิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันได้ หนังสือฉบับพิเศษฉบับนี้ยังพิจารณาถึงความสำเร็จจากการผสมผสานการใช้ไมโครสาหร่ายหลายประเภทด้วย
 
——

#GreenLibrary #greenbsru